พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นประธานในพิธีปิดและให้โอวาทกับเยาวชนชายแดนภาคใต้จำนวน 319 คน และครอบครัวอุปถัมภ์ ในโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 31 โดยน้อมนำพระราชดำรัสสุดท้าย ในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 ว่า “...บ้านเมืองของเราเป็นสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความเป็นปึกแผ่นในชาติ และต่างบำเพ็ญกรณียกิจตามหน้าที่ให้สอดคล้องเกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ของชาติ คนไทยทุกคนควรตระหนักในข้อนี้ให้มาก และตั้งใจประพฤติตัว ปฎิบัติงานให้สมฐานะ เพื่อให้สำเร็จต่อประโยชน์ส่วนรวม คือความมั่นคงปลอดภัยของชาติบ้านเมืองไทย...” ณ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ต.คลองห้า ปทุมธานี
วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2560) เวลา 10.30 น. ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง ประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ประธานคณะกรรมการดำเนินการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ได้กล่าวขอบคุณในการเป็นประธานพิธีปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 31 ว่า โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เกิดขึ้นจากการดำริของ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมการของมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มูลนิธิ รักเมืองไท มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กองทัพทุกเหล่า ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน นำเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวอุปถัมภ์และชุมชนสังคมพหุวัฒนธรรม ทำให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ตรง และมีความรู้ความเข้าใจบริบทของสังคมประเทศไทยมากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัวอุปถัมภ์ กับครอบครัวเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2548 โดยนำเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยจัดอบรมปีละ 2 รุ่น จนถึงปัจจุบันมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการแล้ว 6,430 คน จะเห็นได้ว่ามีเยาวชนที่ผ่านการอบรมตั้งแต่รุ่นแรก ๆ ขณะนี้จบการศึกษากำลังประกอบอาชีพต่าง ๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งชมรม “สานใจไทย สู่ใจใต้” เพื่อทำหน้าที่ดูแลบำรุงรักษาบ้านเมืองและประเทศชาติของเรา ด้วยความภูมิใจที่เกิดมาบนแผ่นดินไทยแห่งนี้ ท้ายนี้ ขอฝากเยาวชนทุกคนที่ได้เข้าร่วมโครงการฯ จงเป็นคนดี เป็นผู้นำในการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และร่วมกันพัฒนาประเทศของเราต่อไป
ดร.กมล รอดคล้าย เลขานุการและคณะกรรมการดำเนินการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เผยว่า การจัดกิจกรรมโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ รุ่นที่ 31 นี้ ได้นำเยาวชนจำนวน 319 คน จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล มาเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีพิธีเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 31 ในวันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ สโมสรทหารบก (วิภาวดี) โดยมี ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธี
จากนั้นเยาวชนใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ใน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร - นนทบุรี - นครนายก - ปทุมธานี - พระนครศรีอยุธยา - ฉะเชิงเทรา - ชลบุรี - สระบุรี - สมุทรปราการ และ อ่างทอง ซึ่งการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการฯ เยาวชนจะได้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิต การประกอบอาชีพ ตลอดจนการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เกิดความรัก ความเมตตา และความห่วงใย มีความผูกพันกับครอบครัวอุปถัมภ์ หลังจากพำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ เยาวชนจะเดินทางเข้าค่ายสิ่งแวดล้อม ณ อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตใน “ค่ายเปิดโลกการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สานใจไทย สู่ใจใต้” ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ทัศนศึกษาอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมืองมรดกโลก และท้ายสุดในวันพรุ่งนี้เยาวชนทั้งหมดจึงจะเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยได้รับการสนับสนุนเครื่องบิน C -130 จากกองทัพอากาศ ส่งเยาวชนที่สนามบินกองบิน 56 หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และสนามบินบ้านทอน จังหวัดนราธิวาส
ในส่วนของ อพวช. หน่วยงานหลักในการจัดค่าย “เปิดโลกการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 31 นั้น ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวว่า อพวช. มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เข้ามาเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ใหม่ ในด้านวิทยาศาสตร์ด้วยรูปแบบการจัดค่ายวิทยาศาสตร์ โดยเยาวชนจะลงมือปฎิบัติ และทดลองด้วยตนเอง อาทิ กิจกรรมนักประดิษฐ์ Maker Challenge ที่เน้นการแก้ปัญหาและสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยตนเอง ตามหลักสะเต็มศึกษา ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการสร้างบุคคลากรที่เป็นอนาคตของชาติ ทั้งนี้ อพวช. ขอขอบคุณโครงการฯ ที่ให้ความไว้วางใจ อพวช. ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ อพวช. จะมุ่งมั่นพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมวิทยาศาสตร์ ให้ประชาชนมีกระบวนการคิดด้วยหลักการและเหตุผล อันก่อให้เกิดความเข้าใจ ความสามัคคี อย่างยั่งยืนต่อไป