3 สิงหาคม 2560 - รร.พูลแมน คิงพาวเวอร์ (รางน้ำ) / ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในการแถลงข่าวความพร้อมการจัดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2560” (National Science and Technology Fair Thailand 2017) ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม” ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการแห่งปี รวมสุดยอดนิทรรศการ กิจกรรม งานวิจัย และนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดแสดงบนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ณ ฮอลล์ 2-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 17-27 สิงหาคม 2560 คาดมีผู้เข้าชมงานที่เป็นทั้งเด็ก เยาวชน ครอบครัว และประชาชนทั่วไปทั้งคนไทยและชาวต่างชาติกว่า 1.2 ล้านคน
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2560 จัดขึ้นเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ ”พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” อีกทั้ง ในปีนี้ยังมีแนวคิดเพื่อสื่อสารถึงความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป้าหมายการพัฒนาประเทศเข้าสู่ Thailand 4.0 เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ Sustainable Development Goals (SDGs) และเพื่อร่วมฉลองวาระสำคัญทางวิทยาศาสตร์ในโอกาสที่องค์การสหประชาชาติ (UNESCO) มีมติให้ปี 2560 เป็น “ปีสากลแห่งการท่องเที่ยวเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” หรือ “2017 International Year of Sustainable Tourism for Development” ซึ่งเป็นหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมายของ SDGs อีกด้วย มหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ จึงถือเป็นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของประเทศและภูมิภาคเอเชีย ในการแสดงผลงานความก้าวหน้าและศักยภาพทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมด้วยศักยภาพของนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของไทยและต่างประเทศ รูปแบบของกิจกรรมในงานคล้ายเทศกาลวิทยาศาสตร์ (Science Festival) ในหลายประเทศ คือประกอบด้วย การจัดนิทรรศการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในรูปแบบทันสมัย มีความเป็นสากล เปิดโอกาสให้ ผู้เข้าชมมีส่วนร่วม (Interactive Exhibition) โดยเน้นหัวข้อที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย New S-curve มุ่งสู่ Thailand 4.0 รวมทั้งได้มีการนำแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องสะเต็มศึกษา (STEM Education) มาใช้ในการจัดกิจกรรมในรูปแบบ เล่น-เรียน-รู้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม ในประเด็นการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และส่งเสริมการสร้างกิจกรรมภายในครอบครัว ภายใต้กรอบแนวคิด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม” โดยในปีนี้เป็นการผนึกกำลังร่วมกันของ 10 กระทรวง มากกว่า 100 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน และปีนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างประเทศ 7 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ เพื่อกระตุ้นความสนใจแก่นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสริมสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนที่จะต้องเติบโตและเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในวันข้างหน้า รวมถึงการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวเสริมถึงความยิ่งใหญ่ของงานในครั้งนี้ว่า ภายในงานประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมถึง 5 โซน มากมายองค์ความรู้ให้ทุกคนได้เข้าไปมีส่วนร่วม ตั้งแต่นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ, นิทรรศกลางที่นำเสนอประเด็นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชน หรือมีความสำคัญ มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่และการพัฒนาประเทศในอนาคต, กิจกรรมวิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตในแนวทางสะเต็มศึกษา, นิทรรศการแสดงศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย การประกวดและแข่งขันทางวิทยาศาสตร์ การประชุม สัมมนา และการแสดงสินค้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมการนำเอาเทคโนโลยีและมัลติมีเดียใหม่ ๆ มาใช้ในการจัดแสดง เพื่อสร้างประสบการณ์ เปิดมุมมองการเรียนรู้ผ่านสื่อ Interactive พร้อมด้วยนิทรรศการรูปแบบ 4D Simulator ที่มาช่วยเติมความสุข สนุกสนาน และเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
มหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ในปีนี้ ได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับปรุงรูปแบบการจัดแสดงนิทรรศการให้มีความทันสมัย มีความเป็นสากล และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มกิจกรรมสำหรับทุกเพศทุกวัยให้ได้ร่วมสนุกและทดลอง สำหรับนิทรรศการที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ (Royal Pavilion) นำเสนอพระวิสัยทัศน์และพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และนำเสนอพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย และ พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” รวมทั้ง นำเสนอพระอัจฉริยภาพของพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ทรงมีบทบาทและให้ความสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.อรรชกาฯ กล่าวแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า นิทรรศการหลัก ที่มีการนำเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศเข้าสู่ Thailand 4.0 รวมทั้งเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ Sustainable Development Goals (SDGs) และปีสากลแห่งการท่องเที่ยวเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ นิทรรศการนวัตกรรมพลังงาน (Innovation Energy) เข้าใจพื้นฐานพลังงาน วิวัฒนาการพลังงานความร้อน รู้จักกับแหล่งพลังงานในโลกและพลังงานหมุนเวียน เพื่อช่วยกันอนุรักษ์แหล่งพลังงานธรรมชาติและแก้ปัญหาวิกฤตพลังงาน ชมนวัตกรรมพลังงานที่ต่อยอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการได้มาซึ่งพลังงานทางเลือกที่เพิ่มขึ้น พบกับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ทางเลือกใหม่ของวินมอเตอร์ไซค์ โดยผลงาน Start up นิทรรศการท่องเที่ยวยั่งยืน (International Year of Sustainable Tourism) สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวเมืองไทยกับภาพยนตร์ในรูปแบบ 4D Simulator และเทคนิค 4D Effect สมจริงสนุกสนานที่ทุกคนรอคอย...โดยจะมียายพิกุล และหลานบุญมา สองช้างยายหลานที่อาสาพาผู้ชมไป ชื่นชมกับความสมบูรณ์และคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติการท่องเที่ยวไทยผ่านมุมมองใหม่ที่จะสนับสนุนให้การท่องเที่ยวยั่งยืนต่อไป พร้อมเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ พบความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมโบราณที่บรรพบุรุษชาวไทยได้สร้าง ที่แม้แต่องค์กรระดับโลกอย่าง UNESCO ยังให้การยอมรับและขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก นิทรรศการนวัตกรรมอาหารและการเกษตร (Agriculture and Food Innovation) พบกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็วมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับประชากรโลกที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในปี ค.ศ. 2050 ชม Smart Farmer’s House ระบบการเกษตรแม่นยำสูง แนวทางการทำการเกษตรแนวตั้ง เกษตรครัวเรือน ชมนวัตกรรมด้านอาหารที่ทำให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการที่ให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นในสังคม และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันทั้งในปัจจุบันและอนาคต อาทิ นิทรรศการยุคมนุษย์ครองโลก (Anthropocene) การใช้ทรัพยากรเกินจำเป็นแบบไม่จบสิ้นจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ อาจทำให้การสูญพันธุ์กลับมาอีกครั้ง นิทรรศการนี้จะพาทุกคนเข้าสู่ยุค “มนุษย์กำหนดอนาคตโลก” ร่วมกับตระหนักถึงปัญหาและร่วมกันหาทางออกแห่งอนาคตด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะมาปรับให้มนุษย์และธรรมชาติอยู่ด้วยกันต่อไปได้อย่างยั่งยืน พร้อมสนุกไปกับบันไดยักษ์ Carbon Playground เรียนรู้วิวัฒนาการของ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน ลองหา Carbon Footprint จาก Lifestyle ของคุณเอง แล้วตัดสินใจว่าอนาคตคุณจะปกป้องโลกได้อย่างไร นิทรรศการสูงวัยใกล้ตัว (Aging Society) พบกับเมืองจำลองสูงวัย ใคร ๆ ก็ต้องเจอ เข้าสู่ “เมืองเพิ่มอายุ” ที่จะทำให้ผู้เข้าชมสัมผัสประสบการณ์สูงวัย ทดลองเป็นผู้สูงวัยด้วยอุปกรณ์และฐานจำลอง 5 ฐาน เพื่อความเข้าใจผู้สูงวัยมากขึ้น และเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ผู้สูงวัยในอนาคตที่ทุกคนต้องเจอ สนุกกับเมืองอัจฉริยะแสนสุขสำหรับทุกช่วงวัย ในรูปแบบเมืองที่เป็นมิตรกับผู้สูงวัยกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม นิทรรศการ Miracle of Science : สารพัดพิษ ที่นำเสนอในรูปแบบ Fantasy ดินแดนสารพัดพิษที่ปกคลุมด้วยไอหมอกแห่งความลึกลับกับเหล่าพืชพิษและสัตว์พิษที่ซ่อนเร้น และแฝงด้วยอันตรายในทุกย่างก้าว มาเรียนรู้เรื่องพิษที่มีโทษต่อมนุษย์ ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้พิษเหล่านั้นมาสร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์ได้ในคราวเดียวกัน สนุกสนานกับละครและนิทานหรรษานานาพิษ ชมสัตว์ พืช แมลง ดอกไม้พิษชนิดต่าง ๆ และรู้จักว่าพิษของมันมาจากไหน นิทรรศการยักษ์ใหญ่ใต้ทะเลลึก (Monsters of The Sea) ที่จะนำผู้เข้าชมเดินทางไปในมหาสมุทรใต้ท้องทะเลลึก ตื่นตาตื่นใจไปกับสัตว์ดึกดำบรรพ์ขนาดยักษ์โบราณที่เป็นจ้าวทะเลลึกในยุค Mesozoic ซึ่งเป็นยุคเดียวกับไดโนเสาร์ ที่มีความยาวมากถึง 5-10 เมตร ด้วยเทคนิคการแสดง Animatronics ที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวในชีวิตจริง ก่อนนำไปจัดแสดงอย่างเต็มรูปแบบที่ อพวช. คลองห้า จ.ปทุมธานี เร็ว ๆ นี้ อาทิ เพลซิโอซอรัส’ (Plesiosaurus) ตำนานต้นฉบับของเนสซีแห่งทะเลสาปล็อคเนสส์ ที่มาพร้อมกับ ‘เมกาโลดอน’ (Megalodon) ฉลามยักษ์ฟันโตขนาดเท่าฝ่ามือ เรียนรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการ การปรับตัว และการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ในท้องทะเล ตลอดจนสาเหตุของการสูญพันธุ์ ยิ่งไปกว่านั้นภายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ยังมีนิทรรศการและกิจกรรมสำหรับเยาวชน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและแรงบันดาลใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ในแนวทาง STEM Education ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์และต่อยอดสู่อาชีพที่เกี่ยวข้องกับ วทน. ได้แก่ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ลานกิจกรรมพัฒนาปัญญาเยาว์ ลานกิจกรรมประกวดแข่งขัน ห้องฉายภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ เป็นต้น
ศ.นพ. สรนิต ยังกล่าวเสริมอีกว่า นอกจากนิทรรศการหลักแล้ว ยังมีนิทรรศการและกิจกรรมจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนอีกมากมายที่มาร่วมกันเนรมิตพื้นที่ 40,000 ตารางเมตรของงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ให้ยิ่งใหญ่อลังการ อย่างในวันแถลงข่าวนี้ก็มีตัวอย่างนิทรรศการจากหลายหน่วยงานมาร่วมจัดแสดง อาทิ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) นำเสนอตัวอย่างนิทรรศการ ชวนท่อง “อาณาจักรดาวเสาร์” จับตาภารกิจสำคัญ “ฉากสุดท้ายของยานแคสสินี : วีรบุรุษแห่งดาวเสาร์” ซึ่งจะโคจรเข้าสู่ชั้นบรรยากาศชั้นบนของดาวเสาร์ในวันที่ 15 กันยายน 2560 เพื่อเผาไหม้ตัวเอง พร้อมกับปิดฉากภารกิจการสำรวจของยานลำนี้อย่างสมบูรณ์, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำกิจกรรมไฟฉายจากหลอดแอลอีดี และวงจรไฟกระพริบ มาให้เยาวชนทดลองลงมือทำตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนกระทั่งพร้อมการใช้งาน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนใจ และเป็นการให้ความรู้พื้นฐานด้านอิเล็กทรอนิกส์แก่เยาวชน เป็นตัวอย่างในการประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่าย เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และทำความเข้าใจถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ที่ใช้เวลาน้อย และสามารถลงมือทำได้ด้วยตนเอง, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (วว.) นำเสนอผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฝากของที่ระลึกด้วย วทน. ในพื้นที่พิเศษจังหวัดเลย ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้แก่ มะพร้าวอ่อนแก้วตราเคียงเลย ขนมปังขาไก่จากกล้วยน้ำว้า ตรา บานานาแฟมิลี่ และสบู่กาแฟ ตรา คอฟฟี่ เป็นต้น ด้านกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) นำกิจกรรมเรียนรู้การทดลองทำภาพ 3 มิติ ด้วยเทคนิคฮอโลแกรม Pyramid Halogram Screen จากแผ่นพลาสติก แสดงความแตกต่างระหว่างภาพถ่ายธรรมดา (Photograph) และภาพ ฮอโลแกรม (Hologram) เยาวชนจะได้เรียนรู้คุณสมบัติการสะท้อนแสงของวัสดุพลาสติก
ในส่วนของนิทรรศการหลัก ได้นำตัวอย่างจัดแสดงจาก 3 นิทรรศการมาแสดงให้ดูเช่นกัน อาทิ นิทรรศการ Maker Space จากสิ่งประดิษฐ์ สู่วิถีคิดนวัตกรรม แสดงตัวอย่างของสิ่งประดิษฐ์พิชิตปัญหา โดยการนำวัสดุที่มีอยู่ วัสดุเหลือใช้ หรือวัสดุรีไซเคิลมาสร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อการช่วยเหลือทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ อาทิ กระดาษลัง, โฟม, ขวดน้ำดื่ม, ตะเกียบ, หนังยาง, เศษวัสดุเหลือใช้, ส่วนนิทรรศการ Miracle of Science : สารพัดพิษ จัดแสดงตัวอย่างพืชและสัตว์มีพิษมาให้ชม เช่น แมงกะพรุนกล่องและแมงกะพรุนหมวกโปรตุเกส ที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์มีพิษร้ายแรงมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง, มดกระสุนปืน มดที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกจากป่าอะเมซอนที่สามารถกัดคนตายได้ เป็นต้น รวมทั้ง ชมตัวอย่างอุปกรณ์ให้เยาวชนทดลองเป็น ผู้สูงวัยจากนิทรรศการสูงวัยใกล้ตัว เช่น เครื่อง Ossiloscope เครื่องมือวัดสัญญาณไฟฟ้า การวัดความถี่ วัดเฟสของสัญญาณ, โมเดลสมอง, โมเดลกระเพาะปัสสาวะ, โมเดลกระดูกพรุน และหุ่นยนต์เสริมการเรียนรู้ AIM Robot โดยภาควิชา วิศวชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือให้แก่ครู ผู้ปกครองหรือผู้ที่สนใจในการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กทั้งเด็กปกติและเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งหุ่นยนต์สามารถนำไปใช้เสริมการสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ทักษะชีวิต และการฝึกพูดแก่เด็ก ๆ เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว ยังมีหน่วยงานร่วมจัดจากภาครัฐและเอกชนมาร่วมจัดแสดงในครั้งนี้ อาทิ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา จัดแสดงนิทรรศการ “ทุกชีวิตมีคุณค่า จะดำรงรักษาอย่างไรให้คงอยู่” ตัวอย่างแมงกะพรุนดอง, ฟองน้ำหูช้าง และหอยจิ๋ว เป็นต้น, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จัดแสดงผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและเครื่องสำอางจากพืชสมุนไพร อาทิ เครื่องสำอางจากสารสกัดถั่วหรั่ง, มาส์กว่านหางจระเข้ผสมสารสกัดว่านตาลเดี่ยว เป็นต้น ส่วน บริติช เคานซิล นำเสนอโครงการ “ทูตสะเต็ม” (STEM Ambassador) เพื่อถ่ายทอดความรู้ ให้คำแนะนำ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนได้เห็นประโยชน์ของการนำความรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ไปใช้ในบริบทของชีวิตจริงและการประกอบอาชีพ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ที่มานำเสนอเกี่ยวกับการเรียนรู้กระบวนการวิศวกรรมด้วย Quaker Robot เป็นต้น
ด้านนางกรรณิการ์ วงศ์ทองศิริ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่เป็นแม่งานสำคัญในการดำเนินการจัดงานในครั้งนี้ กล่าวถึงความพร้อมในการจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ปีนี้ว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ให้ความสำคัญในการจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ นี้มาก โดยเน้นให้มีความยิ่งใหญ่อลังการกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งพื้นที่การจัดแสดงที่จัดเต็มทั่วทั้งฮอลล์ 2-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และเป็นงานวิทยาศาสตร์ที่จัดนานที่สุด ที่สำคัญยังมีผู้เข้าชมมากกว่า 1 ล้านคนในทุก ๆ ปี ซึ่ง อพวช. ได้มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับ ผู้เข้าชมจำนวนมาก โดยมีการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อความสมบูรณ์พร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านสถานที่ ระบบสาธารณูปโภค ระบบการจราจร การบริการรถรับ-ส่ง การปฐมพยาบาล การรักษาความปลอดภัย การบริการต้อนรับ ร้านค้า ร้านอาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการดูแลต้อนรับและอำนวยความสะดวกผู้เข้าชมงานที่คาดว่าปีนี้จะมีมากถึงกว่า 1.2 ล้านคน
นอกจากนี้ ยังมี 2 ดาราดังพรีเซ็นเตอร์ของงาน เก้า จิรายุ ละอองมณี และน้องมายด์ ลภัสลัล จิรเวชสุนทรกุล ซึ่งได้มาร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย โดย เก้า จิรายุ กล่าวว่า “จริงๆ แล้ว ตนเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ นี้มา 3 ครั้งแล้ว ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ทุกครั้งที่มาเดินชมงานรู้สึกชื่นชอบ สนุกและได้ความรู้มาก ที่สำคัญรู้สึกประทับใจในความทุ่มเทของผู้จัดงานที่ช่วยกันเนรมิตทุกบูธนิทรรศการและกิจกรรมที่นำมาจัดแสดงได้อย่างน่าชื่นชมมาก และในปีนี้ก็เช่นเดียวกันที่ทุกคนจะได้พบกับเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย โดยส่วนตัวแล้วสนใจนิทรรศการ Maker Space จากสิ่งประดิษฐ์ สู่วิถีคิดนวัตกรรม ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ในยุคปัจจุบันเพื่อปลดปล่อยจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ ปลุกความเป็นนักคิด นักสร้างสรรค์นวัตกรรม หรือ "เมกเกอร์" (Maker) พบกับ Maker’s Showcase หุ่นยนต์กู้ภัย ชมผลงานจาก Maker Community มาร่วมกันฝึกทักษะการเป็น Maker จากความคิดสร้างสรรค์ ไปสู่การลงมือทำ กิจกรรม Kid Maker, Maker Studio ชมสาธิต 3D Printing และห้ามพลาดกับการแข่งขันบังคับ Drone หุ่นยนต์ Mindstrom เพื่อผ่านอุปสรรคในการปฏิบัติภารกิจท่ามกลางภาวะฉุกเฉิน”
ด้านน้องมายด์ ลภัสลัล จิรเวชสุนทรกุล อีกหนึ่งพรีเซ็นเตอร์คนดัง กล่าวว่า สำหรับมายด์มีความชื่นชอบในวิชาวิทยาศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งได้รับเกียรติให้เป็นพรีเซนเตอร์ของงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ในปีนี้ ซึ่งเป็นศูนย์รวมแห่งองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกยินดีมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยส่วนตัวในฐานะคนรุ่นใหม่อยากจะแนะนำนิทรรศการโลกดิจิทัล (Digital World) ที่จะทำให้เราตื่นตาตื่นใจไปกับเทคโนโลยีที่ทำให้กระแสของโลกเปลี่ยนแปลง อาทิ Lot (Internet of Things), Clould Technology, Big Data, Autonpmous, 3D Printing, VR, AR เป็นต้น พร้อมกันนี้เรายังจะได้สัมผัสโลกแห่งอนาคตกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกเรา อาทิ Smart Home Smart Education Smart Economy Smart Heath อีกด้วย
ดร.อรรชกาฯ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่าขอเชิญชวนเยาวชนและประชาชนทุกท่านเข้าชมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ปี 2560 ที่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 17-27 สิงหาคม 2560 เวลา 09.00-19.00 น. ณ ฮอลล์ 2-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมสนุกและเรียนรู้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ทุกคนสามารถเข้าชมได้อย่างเพลิดเพลิน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมและร่วมกิจกรรม
ติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดงานได้ที่ www.thailandnstfair.com หรือ Facebook : มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ LINE ID: @thailandnstfair หรือ Instagram : Thailandnstfair หรือสอบถามข้อมูลที่ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โทร. 0 2577 9960 สื่อมวลชนสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โทร 0 2577 9999